หน้านี้ได้รับการแปลโดย Cloud Translation API

เริ่มใช้งาน

เลือกแพลตฟอร์ม: Android iOS JavaScript

ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อตั้งค่าการจัดรูปแบบตามข้อมูลสำหรับขอบเขต

เปิดใช้เครื่องมือแสดงผลแผนที่ใหม่

เครื่องมือแสดงแผนที่ที่อัปเกรดแล้วพร้อมใช้งานตั้งแต่เวอร์ชัน 18.0.0 ของ Maps SDK สำหรับ Android เครื่องมือแสดงผลนี้มีการปรับปรุงหลายอย่าง รวมถึง การรองรับการจัดรูปแบบแผนที่ในระบบคลาวด์สำหรับ Maps SDK สำหรับ Android

เมื่อเปิดตัว Maps SDK สำหรับ Android เวอร์ชัน 18.2.0 Google ได้เปลี่ยน ตัวแสดงผลเริ่มต้นจากตัวแสดงผลเดิมเป็นตัวแสดงผลแผนที่ที่อัปเกรดแล้ว การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่าตอนนี้แอปของคุณจะใช้ตัวแสดงแผนที่ที่อัปเกรดแล้วโดยค่าเริ่มต้น เมื่อคุณสร้างแอปใหม่หรือสร้างแอปที่มีอยู่ใหม่

ข้อควรระวัง: หากต้องการใช้การจัดรูปแบบตามข้อมูลสำหรับขอบเขตในแอปของคุณ แอปจะต้องสร้างขึ้นโดยใช้โปรแกรมแสดงผลแผนที่ที่อัปเกรดแล้ว หากคุณเพิ่ม การจัดรูปแบบตามข้อมูลสำหรับขอบเขตลงในแอปที่มีอยู่ โปรดตรวจสอบว่าคุณได้สร้างแอปใหม่ เพื่อให้แอปใช้เครื่องมือแสดงแผนที่ที่อัปเกรดแล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โปรแกรมแสดงผลแผนที่ใหม่

สร้างรหัสแผนที่

หากต้องการสร้างรหัสแผนที่ใหม่ ให้ทำตามขั้นตอนที่ สร้างรหัสแผนที่ ตรวจสอบว่าคุณได้ตั้งค่าประเภทแผนที่เป็น Android

สร้างรูปแบบแผนที่ใหม่

หากต้องการสร้างรูปแบบแผนที่ใหม่ ให้ทำตามวิธีการในจัดการรูปแบบแผนที่ เพื่อสร้างรูปแบบ และเชื่อมโยงรูปแบบกับรหัสแผนที่ที่เพิ่งสร้าง

เลือกเลเยอร์ฟีเจอร์ในรูปแบบแผนที่ใหม่

ในคอนโซล Google API คุณสามารถเลือกเลเยอร์ฟีเจอร์ที่จะแสดงสำหรับรูปแบบแผนที่ใหม่ได้ เลเยอร์ฟีเจอร์จะกำหนดขอบเขตประเภทใด ที่จะปรากฏบนแผนที่ (เช่น ท้องถิ่น รัฐ และอื่นๆ)

ในคอนโซล Google API ให้ ไปที่หน้าสไตล์แผนที่
เลือกโปรเจ็กต์หากได้รับข้อความแจ้ง
เลือกรูปแบบแผนที่
คลิกเมนูแบบเลื่อนลงเลเยอร์ฟีเจอร์เพื่อเพิ่มหรือนำเลเยอร์ออก
คลิกบันทึกเพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงและทำให้การเปลี่ยนแปลงพร้อมใช้งานในแผนที่

ภาพหน้าจอแสดงเมนูแบบเลื่อนลง

อัปเดตโค้ดการเริ่มต้นแผนที่

ขั้นตอนนี้ต้องใช้รหัสแผนที่ที่คุณเพิ่งสร้าง คุณดูได้ในหน้าการจัดการ Maps

หากต้องการเพิ่มรหัสแผนที่ลงในโค้ดการเริ่มต้น โปรดดูเพิ่มรหัสแผนที่ลงในแอป

เข้าถึงฟีเจอร์เลเยอร์ของแผนที่

คุณใช้FeatureLayer ออบเจ็กต์เพื่อแสดงเลเยอร์ฟีเจอร์แต่ละรายการของแผนที่ เช่น เลเยอร์ฟีเจอร์รหัสไปรษณีย์หรือ สถานที่ หากต้องการเข้าถึงออบเจ็กต์เลเยอร์ฟีเจอร์ ให้เรียกใช้ GoogleMap.getFeatureLayer() เมื่อแผนที่เริ่มต้น

Java

private FeatureLayer postalCodeLayer;

@Override
public void onMapReady(GoogleMap map) {
  // Get the POSTAL_CODE feature layer.
  postalCodeLayer = map.getFeatureLayer(new FeatureLayerOptions.Builder()
    .featureType(FeatureType.POSTAL_CODE)
    .build());
  ...
}

Kotlin

private var postalCodeLayer: FeatureLayer? = null

override fun onMapReady(googleMap: GoogleMap) {
  // Get the POSTAL_CODE feature layer.
  postalCodeLayer = googleMap.getFeatureLayer(new FeatureLayerOptions.Builder()
    .featureType(FeatureType.POSTAL_CODE)
    .build())
  ...
}

ส่งออบเจ็กต์ FeatureLayerOptions ไปยัง getFeatureLayer() เพื่อระบุประเภทของเลเยอร์ฟีเจอร์ ใน ตัวอย่างนี้ คุณต้องการเข้าถึงเลเยอร์ POSTAL_CODE สร้างออบเจ็กต์ FeatureLayer ที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละเลเยอร์ที่ต้องการจัดรูปแบบ

เมื่อมีออบเจ็กต์ FeatureLayer แล้ว คุณจะใช้การจัดรูปแบบกับ รูปหลายเหลี่ยมขอบเขตในฟีเจอร์นั้นได้

ตรวจสอบความสามารถของแผนที่ (ต้องระบุ)

การจัดรูปแบบตามข้อมูลสำหรับขอบเขตต้องใช้รหัสแผนที่ หากไม่มีรหัสแผนที่หรือมีการส่งรหัสแผนที่ที่ไม่ถูกต้อง ระบบจะโหลดการจัดรูปแบบตามข้อมูลสำหรับขอบเขตไม่ได้ ในขั้นตอนการแก้ปัญหา คุณสามารถใช้ MapCapabilities เพื่อตรวจสอบว่าระบบรองรับการจัดรูปแบบตามข้อมูลสำหรับขอบเขตหรือไม่

ข้อควรระวัง: อุปกรณ์บางรุ่นอาจไม่รองรับโปรแกรมแสดงผลแผนที่ใหม่ จึงแสดงรูปแบบที่อิงตามข้อมูลสำหรับขอบเขตไม่ได้ คุณต้องใช้ MapCapabilitiesเพื่อตรวจสอบการรองรับที่รันไทม์ หากไม่รองรับ การจัดรูปแบบตามข้อมูลสำหรับขอบเขต ให้กำหนดตัวเลือกสำรอง ดูข้อกำหนดของอุปกรณ์สำหรับโปรแกรมแสดงผลแผนที่ใหม่ได้ที่อุปกรณ์ที่รองรับ

Kotlin

val capabilities: MapCapabilities = googleMap.getMapCapabilities()
System.out.println("Data-driven Styling is available: " + capabilities.isDataDrivenStylingAvailable())

Java

MapCapabilities capabilities = googleMap.getMapCapabilities();
System.out.println("Data-driven Styling is available: " + capabilities.isDataDrivenStylingAvailable());