แก้ไขข้อบกพร่องการเข้าชมจาก Google Search ที่ลดลง

การเข้าชมจากการค้นหาทั่วไปใน Search ที่ลดลงอาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุด้วยกัน และโดยส่วนมากจะแก้ไขให้กลับเป็นเหมือนเดิมได้ แต่การทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเว็บไซต์ของคุณกันแน่อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก และคุณสามารถใช้รายงานประสิทธิภาพของ Search Console และ Google เทรนด์ เพื่อตรวจสอบสาเหตุที่ทำให้การเข้าชมจาก Search ลดลง

สาเหตุหลักที่ทำให้การเข้าชมจากการค้นหาทั่วไปของ Search ลดลง

ลองดูภาพร่างเพื่อให้เห็นภาพของสิ่งที่ส่งผลต่อการเข้าชมในเครือข่าย Search ซึ่งแสดงสิ่งที่อาจส่งผลต่อการเข้าชมคร่าวๆ และจะแสดงว่ากราฟของคุณจะมีลักษณะอย่างไร

ภาพร่างแสดงกราฟการลดปริมาณการเข้าชมและสาเหตุที่เป็นไปได้

ปัญหาทางเทคนิคระดับเว็บไซต์ (การดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ การเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมอย่างเห็นได้ชัด)

การผันแปรตามฤดูกาล

ปัญหาทางเทคนิคระดับหน้าเว็บ (การเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึม การหยุดชะงักของตลาด)

การรายงานข้อบกพร่อง ¯\_(ツ)_/¯

ส่วนต่อไปนี้ครอบคลุมสาเหตุหลักที่คุณควรตรวจสอบเมื่อวิเคราะห์การเข้าชมที่ลดลง นอกจากนี้ อย่าลืมตรวจสอบหน้าความผิดปกติของข้อมูลใน Search Console เพื่อดูว่าเว็บไซต์มีปัญหาใดๆ หรือไม่ การลดลงอาจเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในการประมวลผลข้อมูลหรือข้อผิดพลาดในการบันทึก

ปัญหาทางเทคนิค

ปัญหาทางเทคนิคคือข้อผิดพลาดที่ทำให้ Google ไม่สามารถทำการ Crawl, จัดทำดัชนี หรือแสดงหน้าเว็บของคุณแก่ผู้ใช้ เช่น ความไม่พร้อมใช้งานของเซิร์ฟเวอร์, ปัญหาการดึงข้อมูล robots.txt, การที่ไม่พบหน้าเว็บ เป็นต้น

โปรดทราบว่าปัญหาอาจเกิดขึ้นกับทั้งเว็บไซต์ (เช่น เว็บไซต์ล่ม) หรือทั้งหน้า (เช่น วางแท็ก noindex ไว้ผิดที่ ซึ่งจะต้องรอให้ Google ทำการ Crawl นั้น การเข้าชมจึงค่อยๆ ลดลง)

ดูรายงานสถิติการ Crawl และรายงานการจัดทำดัชนีหน้าเว็บเพื่อดูว่ามีการตรวจพบปัญหาที่จู่ๆ ก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหรือไม่ ซึ่งอาจช่วยให้คุณระบุปัญหาได้

ปัญหาด้านความปลอดภัย

หากเว็บไซต์ได้รับผลกระทบจากภัยคุกคามด้านความปลอดภัย เช่น มัลแวร์หรือฟิชชิง ระบบของ Google อาจแจ้งเตือนผู้ใช้ก่อนที่จะไปยังเว็บไซต์ของคุณด้วยคําเตือนหรือหน้าเว็บคั่นระหว่างหน้า ซึ่งอาจลดการเข้าชมจาก Search

ดูรายงานปัญหาด้านความปลอดภัยเพื่อดูว่า Google ตรวจพบภัยคุกคามด้านความปลอดภัยในเว็บไซต์ของคุณหรือไม่

การละเมิดนโยบายและการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่

หากเว็บไซต์ไม่เป็นไปตาม Google Search Essentials หน้าเว็บบางหน้าหรือทั้งเว็บไซต์อาจไม่รวมอยู่ในผลการค้นหาของ Google Search

ตรวจสอบนโยบายสแปมของ Google Search และรายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ใน Search Console เพื่อดูว่าเว็บไซต์ของคุณเข้าข่ายกรณีนี้หรือไม่ โปรดทราบว่าอัลกอริทึมของ Google อาจพิจารณาการละเมิดนโยบายด้วยแม้จะไม่มีการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ก็ตาม

การเปลี่ยนแปลงจากอัลกอริทึม

Google ปรับปรุงวิธีประเมินเนื้อหาและอัปเดตการจัดอันดับการค้นหาและอัลกอริทึมการให้บริการให้สอดคล้องกันอยู่เสมอ อัปเดตหลักและการอัปเดตย่อยอื่นๆ อาจเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพของบางหน้าในผลการค้นหาของ Google Search

คุณสามารถประเมินด้วยตนเองว่าเนื้อหาของคุณมีประโยชน์ น่าเชื่อถือ และคำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลัก โดย Google มุ่งเน้นที่ผู้ใช้ ดังนั้นหากคุณกำลังปรับปรุงเนื้อหาสำหรับผู้ชม ก็ถือว่าไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว

การหยุดชะงักของความสนใจในการค้นหา

บางครั้งการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ใช้อาจทำให้ความต้องการข้อความค้นหาบางอย่างเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มใหม่หรือการผันแปรตามฤดูกาล ซึ่งหมายความว่าการเข้าชมที่คุณได้รับอาจลดลงเพียงเพราะว่าเป็นผลจากอิทธิพลภายนอกที่ควบคุมไม่ได้

ค้นหาคำค้นหาที่มีจำนวนคลิกและการแสดงผลลดลงด้วยรายงานประสิทธิภาพโดยใช้ตัวกรองเพื่อรวมคำค้นหาครั้งละ 1 รายการเท่านั้น (เลือกคำค้นหาที่ได้รับการเข้าชมมากที่สุด) จากนั้นตรวจสอบใน Google เทรนด์เพื่อให้ทราบว่าการลดลงเกิดขึ้นเฉพาะกับเว็บไซต์หรือทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตหรือไม่

คุณเพิ่งย้ายเว็บไซต์

หากเปลี่ยน URL ของหน้าที่มีอยู่ในเว็บไซต์ คุณอาจประสบความผันผวนของการจัดอันดับขณะที่ Google ทำการ Crawl และจัดทำดัชนีเว็บไซต์อีกครั้ง ทั้งนี้ตามกฎทั่วไป เว็บไซต์ขนาดกลางอาจใช้เวลา 2-3 สัปดาห์กว่าที่ Google จะเห็นการเปลี่ยนแปลง เว็บไซต์ขนาดใหญ่อาจใช้เวลานานกว่านั้น

หากคุณเห็นการลดลงหลังจากย้ายเว็บไซต์แต่ไม่เห็นว่าการเข้าชมจะกลับคืนมา ให้ตรวจสอบส่วนการแก้ปัญหาการย้ายเว็บไซต์เพื่อหาข้อผิดพลาดที่พบบ่อยเมื่อย้ายข้อมูลเว็บไซต์ที่มีการเปลี่ยนแปลง URL

วิเคราะห์รูปแบบการลดลงของการเข้าชมจาก Search

วิธีที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับการเข้าชมของคุณคือการดูแผนภูมิหลักในรายงานประสิทธิภาพของ Search Console เพราะเป็นการสรุปจากข้อมูลจำนวนมาก

หากทั้งการแสดงผลและการคลิกลดลง ให้ตรวจสอบรายการด้านบนเพื่อหาสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่อาจเป็นสาเหตุ การที่การแสดงผลยังคงเหมือนเดิมแต่จำนวนคลิกลดลงหมายความว่าคุณอาจยังสร้างชื่อหน้าและตัวอย่างข้อมูลออกมาได้ไม่ดีที่สุด ผู้ใช้จึงไม่เข้าใจเนื้อหาของหน้าเว็บ หรืออาจเป็นเพราะเว็บไซต์อื่นมีผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียที่น่าสนใจกว่า

ไปที่รายงานประสิทธิภาพใน Search และลองใช้ตัวกรองกับข้อมูลตามที่อธิบายไว้ในส่วนต่อไปนี้

เปลี่ยนช่วงวันที่ให้มีระยะเวลา 16 เดือน

เลือกตัวกรองวันที่ที่ด้านบนของแผนภูมิ แล้วเลือก 16 เดือนที่ผ่านมา วิธีนี้จะช่วยวิเคราะห์การเข้าชมที่ลดลงในบริบทนั้นๆ และช่วยให้แน่ใจว่าไม่ใช่การลดลงที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีอันเป็นผลมาจากช่วงวันหยุดหรือเทรนด์ หากต้องการขยายระยะเวลาออกไปมากกว่า 16 เดือน ให้ใช้ Search Analytics API หรือการส่งออกข้อมูลจํานวนมากเพื่อดึงข้อมูลและจัดเก็บไว้ใน ทั้งหมด

ภาพหน้าจอของตัวกรองช่วงวันที่ของรายงานประสิทธิภาพที่แสดงข้อมูลในช่วง 16 เดือนที่ผ่านมา

แผนภูมิต่อไปนี้แสดงแผนภูมิประสิทธิภาพที่มีข้อมูลในแต่ละช่วงเวลาของปี (ข้อมูล 16 เดือน) สังเกตการลดลงล่าสุดที่เกิดขึ้นเหมือนกับปีที่ผ่านมาอย่างไร

ภาพหน้าจอของรายงานประสิทธิภาพที่แสดงฤดูกาลประจำปี

เปรียบเทียบช่วงเวลาที่มีการเข้าชมลดลงกับช่วงเวลาที่มีลักษณะคล้ายกัน

เลือกตัวกรองวันที่ที่ด้านบนของแผนภูมิ เลือกแท็บเปรียบเทียบ แล้วเลือกเปรียบเทียบ 3 เดือนที่ผ่านมากับช่วงเวลาก่อนหน้า หรือเปรียบเทียบช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาแบบปีต่อปี ซึ่งจะช่วยให้ตรวจสอบได้ว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคืออะไรแน่ อย่าลืมคลิกแท็บทั้งหมดเพื่อดูว่าการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเฉพาะกับคำค้นหา, URL, ประเทศ, อุปกรณ์ หรือลักษณะที่ปรากฏในการค้นหารายการใดรายการหนึ่งเท่านั้นหรือไม่ (ดูวิธีสร้างตัวกรองการเปรียบเทียบ)

ภาพหน้าจอของการเปรียบเทียบตัวกรองช่วงวันที่ของรายงานประสิทธิภาพ

แผนภูมิต่อไปนี้แสดงแผนภูมิเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงานในช่วง 3 เดือน สังเกตการลดลงของการเข้าชมได้อย่างชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบเส้นทึบ (3 เดือนที่ผ่านมา) กับเส้นไข่ปลา (3 เดือนก่อนหน้า)

โหมดเปรียบเทียบในรายงานประสิทธิภาพที่แสดงการเข้าชมลดลง

วิเคราะห์การค้นหาประเภทต่างๆ แยกกัน

เลือกตัวกรองประเภทการค้นหาที่ด้านบนของแผนภูมิและลองตัวเลือกอื่นๆ ที่มี วิธีนี้จะช่วยให้ทราบว่าการลดลงที่เห็นนั้นเกิดขึ้นในการค้นเว็บ, Google รูปภาพ หรือแท็บ "วิดีโอ" หรือ "ข่าวสาร"

ภาพหน้าจอของตัวกรองประเภทการค้นหาในรายงานประสิทธิภาพ

ติดตามดูอันดับเฉลี่ยในผลการค้นหา

คลิกอันดับเฉลี่ยเหนือแผนภูมิ คุณไม่ควรให้ความสำคัญมากเกินไปกับเลขตำแหน่งโดดๆ การแสดงผลและการคลิกจะเป็นตัววัดความสำเร็จของเว็บไซต์ในที่สุด อย่างไรก็ตาม หากเห็นว่าตำแหน่งตกลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ให้ลองประเมินเนื้อหาด้วยตนเองเพื่อวัดว่าเนื้อหาดังกล่าวมีประโยชน์และเชื่อถือได้ไหม

ภาพหน้าจอของรายงานประสิทธิภาพที่แสดงการลดลงของอันดับเฉลี่ย

มองหารูปแบบในหน้าเว็บที่ได้รับผลกระทบ

ดูตารางหน้าเว็บใต้แผนภูมิเพื่อค้นหารูปแบบที่อาจอธิบายว่าการลดลงมาจากที่ใด ตัวอย่างเช่น ปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการดูว่าการลดลงเกิดขึ้นทั่วทั้งเว็บไซต์ กลุ่มของหน้าเว็บ หรือแม้แต่หน้าที่สำคัญมากเพียงหน้าเดียวในเว็บไซต์หรือไม่ โดยเปรียบเทียบช่วงที่มีการลดลงกับช่วงเวลาที่คล้ายกัน และเปรียบเทียบหน้าเว็บที่สูญเสียคลิกไปเป็นจำนวนมาก เลือกความแตกต่างของจำนวนคลิกเพื่อเรียงลำดับตามหน้าเว็บที่สูญเสียการเข้าชมมากที่สุด

หากเป็นปัญหาทั้งเว็บไซต์ ให้ดูรายงานการจัดทําดัชนีหน้าเว็บ หากการลดลงส่งผลต่อกลุ่มหน้าเว็บเท่านั้น ให้ใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL เพื่อตรวจสอบหน้าเว็บบางหน้า

ภาพหน้าจอของรายงานประสิทธิภาพที่แสดงการเปรียบเทียบหน้าเว็บ

หากต้องการตรวจสอบให้ลึกขึ้นอีก ให้ใช้ Google เทรนด์ ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจว่าการลดลงนั้นเป็นเทรนด์ที่เกิดในวงกว้างหรือไม่ หรือเกิดขึ้นเฉพาะกับเว็บไซต์ของคุณเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจเกิดจากปัจจัยหลัก 2 ประการดังนี้

  1. การหยุดชะงักของความสนใจในการค้นหา หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ หากมีการเปลี่ยนแปลงสําคัญเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้คนค้นหาและวิธีค้นหา ผู้คนอาจเริ่มค้นหาโดยใช้คําค้นหาอื่น หรือใช้อุปกรณ์เพื่อวัตถุประสงค์อื่น นอกจากนี้ หากคุณขายแบรนด์หนึ่งๆ ทางออนไลน์ ผลิตภัณฑ์ใหม่ของคู่แข่งอาจแสดงขึ้นเมื่อมีการใช้คำค้นหาที่เคยแสดงผลิตภัณฑ์ของคุณขึ้นมา
  2. การผันแปรตามฤดูกาล ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ Rhythm of Food แสดงให้เห็นว่าคําค้นหาเกี่ยวกับอาหารมีการผันแปรตามฤดูกาลอย่างมาก เช่น ผู้คนจะค้นหาอาหารเพื่อสุขภาพในเดือนมกราคม ค้นหาไก่งวงในเดือนพฤศจิกายน และค้นหาแชมเปญในเดือนธันวาคม แวดวงธุรกิจที่ต่างกันจะมีระดับของการผันแปรตามฤดูกาลที่แตกต่างกัน

หากต้องการวิเคราะห์เทรนด์ในแวดวงธุรกิจต่างๆ คุณสามารถใช้ Google เทรนด์ ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงตัวอย่างคําขอค้นหาที่เกิดขึ้นจริงใน Google ซึ่งคำขอนั้นไม่ได้ผ่านการกรองเป็นส่วนใหญ่ คำขอค้นหาเหล่านี้มีการจัดหมวดหมู่และสรุปรวมโดยไม่ระบุตัวตน การใช้คำขอค้นหาเหล่านี้ทําให้ Google แสดงความสนใจของผู้คนในหัวข้อต่างๆ จากทั่วโลกหรือลงลึกในระดับเมืองได้

ตรวจสอบคำค้นหาที่เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ เพื่อดูว่าการเข้าชมลดลงในช่วงเวลาต่างๆ ของปีอย่างชัดเจนหรือไม่ ในตัวอย่างด้านล่าง คุณจะเห็นเทรนด์ 3 ประเภท (ตรวจสอบข้อมูล) ได้แก่

  1. ไก่งวงมีการผันแปรตามฤดูกาลอย่างมาก โดยจะพุ่งสูงขึ้นที่สุดในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
  2. เนื้อไก่แสดงถึงการผันแปรตามฤดูกาลอยู่บ้าง แต่ไม่เด่นชัดนัก
  3. กาแฟมีความเสถียรกว่ามาก ดูเหมือนว่าใครๆ ก็อยากดื่มกาแฟทั้งปี
ภาพหน้าจอของ Google เทรนด์ที่แสดงเทรนด์ของไก่งวง ไก่ และกาแฟ

คุณยังอาจอยากดูข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ ที่น่าสนใจซึ่งสามารถช่วยเรื่องการเข้าชมจาก Search ดังนี้

  • ตรวจสอบคําค้นหายอดนิยมในภูมิภาคของคุณและเปรียบเทียบคำค้นหานั้นกับคําค้นหาที่ทำให้คุณได้รับการเข้าชม ดังที่แสดงในรายงานประสิทธิภาพของ Search Console หากคำค้นหาที่ควรจะทำให้มีการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณขาดหายไป ให้ตรวจสอบว่าคุณมีเนื้อหาในเรื่องนั้นๆ หรือไม่ และจัดการให้มีการ Crawl และจัดทำดัชนีเนื้อหาดังกล่าว
  • ตรวจสอบคําค้นหาที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อสําคัญๆ ซึ่งอาจทำให้พบคำค้นหาที่เกี่ยวข้องซึ่งมีการใช้พุ่งสูงขึ้นและช่วยคุณจัดเตรียมเว็บไซต์สำหรับคำค้นหาเหล่านี้ด้วยการเพิ่มเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น เพื่อพูดถึงหัวข้อใหม่ๆ เหล่านั้น