Structured Data สำหรับรายการหลักสูตร (Course)

ภาพแสดงรายการหลักสูตรใน Google Search โดยภาพแสดงหลักสูตร 3 รายการจากเว็บไซต์เดียวกันในรูปแบบรายการที่ผู้ใช้สามารถดูและเลือกหลักสูตรที่ต้องการได้

เมื่อใช้ Structured Data รายการหลักสูตร คุณสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตรเพื่อให้ผู้ที่อาจสนใจเรียนหลักสูตรได้ค้นหาหลักสูตรของคุณผ่าน Google Search ได้ คุณสามารถระบุรายละเอียดต่างๆ เช่น ชื่อหลักสูตร ผู้ที่เปิดสอน และคำอธิบายสั้นๆ

ฟีเจอร์ผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียสำหรับหลักสูตรมี 2 ประเภทที่ใช้ Course ของ schema.org ประเภทเดียวกัน หากเว็บไซต์มีข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตร ก็จะมีสิทธิ์ใช้ฟีเจอร์ทั้งสองได้โดยทําตามคู่มือการติดตั้งใช้งานของแต่ละฟีเจอร์

  • รายการหลักสูตร: ผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียที่แสดงหลักสูตรต่างๆ จากเว็บไซต์เดียวกัน
  • ข้อมูลหลักสูตร: ภาพสไลด์ที่แสดงข้อมูลหลักสูตรโดยละเอียดจากเว็บไซต์ต่างๆ

วิธีเพิ่มข้อมูลที่มีโครงสร้าง

ข้อมูลที่มีโครงสร้างคือรูปแบบมาตรฐานในการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับหน้าและจำแนกประเภทเนื้อหาของหน้า หากคุณเพิ่งใช้ข้อมูลที่มีโครงสร้างเป็นครั้งแรก โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของข้อมูลที่มีโครงสร้าง

ต่อไปนี้เป็นภาพรวมเกี่ยวกับวิธีสร้าง ทดสอบ และเผยแพร่ข้อมูลที่มีโครงสร้าง ดูคำแนะนำทีละขั้นตอนเกี่ยวกับวิธีเพิ่มข้อมูลที่มีโครงสร้างลงในหน้าเว็บได้ใน Codelab สำหรับข้อมูลที่มีโครงสร้าง

  1. เพิ่มพร็อพเพอร์ตี้ที่จำเป็น ดูตำแหน่งการแทรก Structured Data ในหน้าเว็บตามรูปแบบที่คุณใช้อยู่
  2. ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์
  3. ตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดโดยใช้การทดสอบผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดีย และแก้ไขข้อผิดพลาดที่สําคัญทั้งหมด พิจารณาแก้ไขปัญหาที่ไม่สําคัญซึ่งอาจมีการรายงานในเครื่องมือด้วย เพราะอาจช่วยปรับปรุงคุณภาพของ Structured Data ได้ (แต่ไม่จําเป็นว่าต้องมีสิทธิ์ปรากฏในผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดีย)
  4. ทำให้หน้าบางหน้าที่มีข้อมูลที่มีโครงสร้างใช้งานได้และใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL เพื่อทดสอบว่า Google เห็นหน้าในลักษณะใด ตรวจสอบว่า Google เข้าถึงหน้าดังกล่าวได้และไม่มีการบล็อกหน้าด้วยไฟล์ robots.txt, แท็ก noindex หรือข้อกำหนดให้เข้าสู่ระบบ หากหน้าเว็บดูถูกต้องดีแล้ว คุณขอให้ Google ทำการ Crawl URL อีกครั้งได้
  5. หากต้องการให้ Google ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่ตลอด เราขอแนะนำให้ส่ง Sitemap ซึ่งกำหนดให้ดำเนินการแบบอัตโนมัติได้โดยใช้ Search Console Sitemap API

ตัวอย่าง

หน้ารายละเอียดหลักสูตรแบบหน้าเดียว

ต่อไปนี้คือตัวอย่างหน้ารายละเอียดของหลักสูตรแบบหน้าเดียว หน้านี้ต้องจับคู่กับหน้าสรุปที่มีมาร์กอัป ItemList


<html>
  <head>
    <title>Introduction to Computer Science and Programming</title>
    <script type="application/ld+json">
    {
      "@context": "https://schema.org",
      "@type": "Course",
      "name": "Introduction to Computer Science and Programming",
      "description": "Introductory CS course laying out the basics.",
      "provider": {
        "@type": "Organization",
        "name": "University of Technology - Eureka",
        "sameAs": "https://www.example.com"
      }
    }
    </script>
  </head>
  <body>
  </body>
</html>

หน้าเดียวแบบรวมทุกรายการ

หน้าเดียวแบบรวมทุกรายการจะมีลักษณะดังต่อไปนี้ การตั้งค่าหน้านี้มีทั้งมาร์กอัปรายการและรายละเอียดของแต่ละหลักสูตรอยู่ในหน้าเดียวกัน


<html>
  <head>
    <title>Computer Science Courses</title>
    <script type="application/ld+json">
    {
      "@context": "https://schema.org",
      "@type": "ItemList",
      "itemListElement": [
        {
          "@type": "ListItem",
          "position": 1,
          "item": {
            "@type": "Course",
            "url":"https://www.example.com/courses#intro-to-cs",
            "name": "Introduction to Computer Science and Programming",
            "description": "This is an introductory CS course laying out the basics.",
            "provider": {
              "@type": "Organization",
              "name": "University of Technology - Example",
              "sameAs": "https://www.example.com"
           }
          }
        },
        {
          "@type": "ListItem",
          "position": 2,
          "item": {
            "@type": "Course",
            "url":"https://www.example.com/courses#intermediate-cs",
            "name": "Intermediate Computer Science and Programming",
            "description": "This is a CS course that builds on the basics learned in the Introduction course.",
            "provider": {
              "@type": "Organization",
              "name": "University of Technology - Example",
              "sameAs": "https://www.example.com"
           }
         }
        },
        {
          "@type": "ListItem",
          "position": 3,
          "item": {
            "@type": "Course",
            "url":"https://www.example.com/courses#advanced-cs",
            "name": "Advanced Computer Science and Programming",
            "description": "This CS course covers advanced programming principles.",
            "provider": {
              "@type": "Organization",
              "name": "University of Technology - Eureka",
              "sameAs": "https://www.example.com"
           }
          }
        }
      ]
    }
    </script>
  </head>
  <body>
  </body>
</html>

หลักเกณฑ์

คุณต้องทำตามหลักเกณฑ์เหล่านี้เพื่อให้มีสิทธิ์ปรากฏในรายการหลักสูตร

หลักเกณฑ์เนื้อหา

  • ใช้มาร์กอัป Course สำหรับเนื้อหาด้านการศึกษาที่ตรงกับคำจำกัดความของคำว่าหลักสูตรต่อไปนี้เท่านั้น ได้แก่ ชุดหรือหน่วยหลักสูตรการศึกษาที่มีการบรรยาย บทเรียน หรือโมดูลเกี่ยวกับวิชาและ/หรือหัวข้อที่เจาะจง
  • หลักสูตรต้องมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาอันเป็นความรู้และ/หรือทักษะที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิชาและ/หรือหัวข้อที่เจาะจง และมีผู้สอน 1 คนหรือมากกว่านั้น พร้อมด้วยบัญชีรายชื่อนักเรียน
  • กิจกรรมสำหรับบุคคลทั่วไป เช่น "วันดาราศาสตร์" ไม่ใช่หลักสูตร และ "วิดีโอสอนทำแซนด์วิช" ความยาว 2 นาทีรายการเดียวก็ไม่ถือว่าเป็นหลักสูตร

หลักเกณฑ์ทางเทคนิค

คุณต้องมาร์กอัปหลักสูตรอย่างน้อย 3 หลักสูตร หลักสูตรอาจอยู่ในหน้ารายละเอียดแยกต่างหาก หรือในหน้าแบบรวมทุกรายการ

คุณต้องเพิ่มมาร์กอัปภาพสไลด์ในหน้าสรุปหรือหน้าแบบรวมทุกรายการ

แต่ละหลักสูตรต้องมีพร็อพเพอร์ตี้ name และ provider ที่ถูกต้อง ตัวอย่างแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งชื่อที่ไม่ถูกต้องมีดังต่อไปนี้

  • วลีโปรโมต "โรงเรียนที่ดีที่สุดในโลก"
  • การใส่ราคาในชื่อหลักสูตร "เรียนอูคูเลเล่ เพียง $30!"
  • การใช้สิ่งที่ไม่ใช่หลักสูตรเป็นชื่อ เช่น "ทำเงินได้อย่างรวดเร็วด้วยคลาสนี้!"
  • ส่วนลดหรือโอกาสในการซื้อ เช่น "บุคลากรแถวหน้าในวงการจะมาเผยความลับสู่ความสำเร็จ ลด 25%!"

คำจำกัดความของประเภท Structured Data

คุณต้องใส่พร็อพเพอร์ตี้ที่จำเป็นลงในเนื้อหาเพื่อให้มีสิทธิ์แสดงเป็นผลการค้นหาที่เป็นสื่อสมบูรณ์ คุณอาจใส่พร็อพเพอร์ตี้ที่แนะนำด้วยเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น

Course

ใช้พร็อพเพอร์ตี้ต่อไปนี้เพื่อมาร์กอัปอย่างน้อย 3 หลักสูตร หลักสูตรอาจอยู่ในหน้ารายละเอียดแยกต่างหาก หรือในหน้าแบบรวมทุกรายการ

ดูคำจำกัดความที่สมบูรณ์ของ Course ได้ที่ schema.org/Course พร็อพเพอร์ตี้ที่ Google รองรับมีดังต่อไปนี้

พร็อพเพอร์ตี้ที่จำเป็น
description

Text

คำอธิบายของหลักสูตร จำกัดการแสดงผล 60 อักขระ

name

Text

ชื่อของหลักสูตร

พร็อพเพอร์ตี้ที่แนะนำ
provider

Organization

องค์กรที่เผยแพร่เนื้อหาต้นฉบับของหลักสูตร เช่น UC Berkeley

ItemList

นอกจากพร็อพเพอร์ตี้ Course ให้เพิ่มพร็อพเพอร์ตี้ต่อไปนี้เพื่อระบุรายการ คุณจะเพิ่มพร็อพเพอร์ตี้เหล่านี้ในหน้าสรุปหรือในหน้าแบบรวมทุกรายการก็ได้

ดูคำจำกัดความที่สมบูรณ์ของ ItemList ได้ที่ schema.org/ItemList

พร็อพเพอร์ตี้ที่จำเป็น
itemListElement

ListItem

ข้อมูลเสริมของหน้ารายการเดี่ยว

ListItem.position

Integer

ตำแหน่งตามลำดับของหน้ารายการในลิสต์

ListItem.url

URL

Canonical URL ของหน้ารายการ รายการทั้งหมดต้องมี URL ที่ไม่ซ้ำกัน

Troubleshooting

If you're having trouble implementing or debugging structured data, here are some resources that may help you.

  • If you're using a content management system (CMS) or someone else is taking care of your site, ask them to help you. Make sure to forward any Search Console message that details the issue to them.
  • Google does not guarantee that features that consume structured data will show up in search results. For a list of common reasons why Google may not show your content in a rich result, see the General Structured Data Guidelines.
  • You might have an error in your structured data. Check the list of structured data errors and the Unparsable structured data report.
  • If you received a structured data manual action against your page, the structured data on the page will be ignored (although the page can still appear in Google Search results). To fix structured data issues, use the Manual Actions report.
  • Review the guidelines again to identify if your content isn't compliant with the guidelines. The problem can be caused by either spammy content or spammy markup usage. However, the issue may not be a syntax issue, and so the Rich Results Test won't be able to identify these issues.
  • Troubleshoot missing rich results / drop in total rich results.
  • Allow time for re-crawling and re-indexing. Remember that it may take several days after publishing a page for Google to find and crawl it. For general questions about crawling and indexing, check the Google Search crawling and indexing FAQ.
  • Post a question in the Google Search Central forum.