ราคาสําหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์

ราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์คือกฎเกี่ยวกับอัตราประเภทหนึ่งที่ให้คุณเสนอราคาที่ต่างกันในแผนการเดินทางได้ โดยอิงตามเกณฑ์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์ ประเทศ หรือการลงชื่อเข้าใช้ Google ของผู้ใช้

ผู้ใช้จะเห็นราคาที่ต่ำที่สุดเมื่อคุณกำหนดราคาสาธารณะหรือราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์ไว้มากกว่า 1 ราคาสำหรับแผนการเดินทางหรือแพ็กเกจห้องพัก โดย Google จะเลือกราคาที่ต่ำที่สุดที่ผู้ใช้มีสิทธิ์ได้รับเสมอ

ภาพรวม

ราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์จะอยู่ในสล็อตราคามาตรฐาน และจะแสดงต่อผู้ใช้ที่ทำการค้นหาตรงตามเกณฑ์ราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์เท่านั้น โดยจะอิงตามข้อมูลต่อไปนี้

หากต้องการเปิดใช้ราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์ ให้แก้ไขรายการต่อไปนี้

ราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์ตามอุปกรณ์

ราคาตามอุปกรณ์คือราคาของโรงแรมที่ผู้ใช้จะเห็นและจองได้บนอุปกรณ์ที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้น เช่น อุปกรณ์เคลื่อนที่ แท็บเล็ต หรือเดสก์ท็อป ราคานี้มาจากพาร์ทเนอร์ของ Google โดยผู้ใช้ปลายทางจะเห็นและจองห้องพักในราคานี้ได้บนเว็บไซต์ของพาร์ทเนอร์รายนั้นๆ

fenced_rates

ราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์ตามประเทศ

ราคาตามประเทศคือราคาของโรงแรมที่ผู้ใช้จะเห็นและจองได้เมื่อทำการค้นหาโรงแรมจากประเทศที่กำหนดเท่านั้น Google จะกำหนดประเทศโดยใช้ที่อยู่ IP ของผู้ใช้ปลายทาง ราคานี้มาจากพาร์ทเนอร์ของ Google โดยผู้ใช้ปลายทางจะเห็นและจองห้องพักในราคานี้ได้บนเว็บไซต์ที่มีการกำหนดประเทศของพาร์ทเนอร์รายนั้นๆ

ราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์ตามภาษา

ราคาตามภาษาที่ผู้ใช้จะเห็นและจองได้เมื่อทำการค้นหาโรงแรมในขณะที่ใช้การตั้งค่าภาษาที่เฉพาะเจาะจงใน Google เท่านั้น คุณกำหนดราคานี้ได้โดยใช้องค์ประกอบ <LanguageCode>

ไม่ได้ระบุภาษาในข้อความคำขอที่มีคำค้นหาตามบริบท ดังนั้น หากคุณระบุ <LanguageCode> ในกฎอัตรา การตอบกลับแบบมีบริบทควรมีอัตราที่เกี่ยวข้องกับภาษาทั้งหมด

ราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์จากการสุ่มตัวอย่าง

ราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์จากการสุ่มตัวอย่างจะแสดงต่อผู้ใช้ที่มีสิทธิ์จากกลุ่มย่อยที่สุ่มเท่านั้น โดยระบบจะกำหนดอัตราการสุ่มตัวอย่างด้วยองค์ประกอบ <MaxUsersPercent> และคำนวณโดยใช้ข้อมูลต่อไปนี้

MaxUsersPercent = (number of users selected to view rate)/(total eligible users)

ราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์จากการลงชื่อเข้าใช้

ราคาตามเกณฑ์การลงชื่อเข้าใช้จะแสดงต่อผู้ใช้ที่ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google เท่านั้น ราคานี้มาจากพาร์ทเนอร์ของ Google ผู้ใช้จะเห็นและจองห้องพักราคานี้ได้บนเว็บไซต์ของพาร์ทเนอร์รายนั้นๆ คุณจะกำหนดราคาตามเกณฑ์การลงชื่อเข้าใช้ได้ด้วยองค์ประกอบ <UserSignedIn>

เนื่องจาก Google จะเลือกราคาที่มีสิทธิ์ต่ำสุดเสมอ หากราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์สูงกว่าราคาที่กำหนดไว้ที่ระดับ <Result> ระบบจะไม่เลือกราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ ให้นำราคาในระดับ <Result> ออกและตั้งเกณฑ์ให้ราคาทั้งหมด หรือถามผู้จัดการลูกค้าด้านเทคนิคเกี่ยวกับการใช้กฎเกี่ยวกับอัตราเริ่มต้นสำหรับราคาที่ตั้งไว้ที่ระดับ <Result>

สร้างไฟล์ XML ของกฎเกี่ยวกับอัตรา

กฎเกี่ยวกับอัตราของราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์จะกำหนดโดยใช้ไฟล์ XML ของกฎเกี่ยวกับอัตรา ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่การอ้างอิง XML ของกฎเกี่ยวกับอัตรา

อัปเดตฟีดราคา

กำหนดราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์โดยใช้องค์ประกอบในข้อความ Transaction

นอกจากนี้ คุณยังใช้องค์ประกอบ <Rate> เป็นองค์ประกอบย่อยหลายรายการของ <Rates> ภายในองค์ประกอบ <RoomBundle> หรือ <Result> ได้ด้วย หากต้องการใช้เป็นราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์ คุณต้องกำหนดค่าของแอตทริบิวต์ rate_rule_id ให้ตรงกับรหัสของกฎเกี่ยวกับอัตราที่คุณกำหนดไว้ในไฟล์ XML ของกฎเกี่ยวกับอัตรา

หากไม่มีราคาเริ่มต้นสำหรับห้องพักแบบคู่ที่เป็นสาธารณะ ให้ตั้งค่าองค์ประกอบย่อย <Baserate> ของข้อความ <Result> เป็น -1 <Rates> แบบมีเงื่อนไขใดๆ ที่ส่งถึง Google ในกรณีนี้จะถือว่าถูกต้อง

ตัวอย่าง

Base + conditional

ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงข้อความ Transaction ที่มีราคาฐานและราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์

<?xml version="1.0" encoding="UTF-8" ?>
<Transaction timestamp="2023-05-18T16:20:00-04:00" id="42">
  <Result>
    <Property>1234</Property>
    <Checkin>2023-04-10</Checkin>
    <Nights>1</Nights>

    <Baserate currency="USD">200.00</Baserate>
    <Tax currency="USD">20.00</Tax>
    <OtherFees currency="USD">1.00</OtherFees>

    <Rates>
      <!-- The rate_rule_id is required when using conditional rates -->
      <Rate rate_rule_id="mobile">
        <!-- Override base rate and taxes for conditional rates -->
        <Baserate currency="USD">180.00</Baserate>
        <Tax currency="USD">18.00</Tax>
      </Rate>
    </Rates>

  </Result>
</Transaction>

RoomBundle รายการเดียว

ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงข้อความ Transaction ที่มีราคาเดียวภายใต้ <RoomBundle>

<?xml version="1.0" encoding="UTF-8" ?>
<Transaction timestamp="2023-05-18T16:20:00-04:00" id="42">
  <Result>
    <Property>1234</Property>
    <Checkin>2023-04-10</Checkin>
    <Nights>2</Nights>

    <Baserate currency="USD">300.00</Baserate>
    <Tax currency="USD">30.00</Tax>
    <OtherFees currency="USD">2.00</OtherFees>

    <RoomBundle>
      <RoomID>single</RoomID>
      <Baserate currency="USD">300.00</Baserate>
      <Tax currency="USD">30.00</Tax>
      <OtherFees currency="USD">2.00</OtherFees>
    </RoomBundle>

    <RoomBundle>
      <RoomID>3</RoomID>  <!-- Links to data in metadata -->
      <RatePlanID>basic</RatePlanID>
      <Baserate currency="USD">275.00</Baserate>
      <Tax currency="USD">27.50</Tax>
      <ChargeCurrency>web</ChargeCurrency>
      <BreakfastIncluded>1</BreakfastIncluded>

      <Rates>
        <Rate rate_rule_id="mobile">
          <Baserate currency="USD">269.00</Baserate>
          <Tax currency="USD">2.69</Tax>
          <OtherFees currency="USD">1.00</OtherFees>
        </Rates>
      </Rates>

    </RoomBundle>
  </Result>
</Transaction>

RoomBundle หลายรายการ

ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงข้อความ Transaction ที่มีราคาหลายรายการภายใต้ <RoomBundle>

<?xml version="1.0" encoding="UTF-8" ?>
<Transaction timestamp="2023-05-18T16:20:00-04:00" id="42">
  <Result>
    <Property>1234</Property>
    <Checkin>2023-04-10</Checkin>
    <Nights>2</Nights>
    <!-- When Google receives new room bundle information for an itinerary, all
    previous room bundle pricing is dropped from Google's cache. Thus, if you
    want to delete a specific room bundle from Google's cache, you may do so
    by simply not providing that specific room bundle in subsequent transaction
    messages. -->
    <RoomBundle>
     ...
      <!-- RoomID is required, PackageID is recommended. -->
      <RoomID>5</RoomID>
      <PackageID>ABC</PackageID>
      <!-- Baserate is required. -->
      <Baserate currency="USD">275.00</Baserate>
      <Tax currency="USD">27.50</Tax>
      <OtherFees currency="USD">2.00</OtherFees>

      <!-- RatePlanID is optional and represents the unique identifier for a
      room and package data combination. We strongly recommend using RatePlanID
      as a variable to build your dynamic landing page (formerly Point of Sale)
      URL and it should be within 50 characters in length for optimal
      performance. For details, see Using Variables and Conditions. -->
      <RatePlanID>5-ABC</RatePlanID>

      <!-- Occupancy is mandatory for RoomBundle elements. -->
      <!-- Elements below will get inherited to nested rate elements. -->
      <Occupancy>2</Occupancy>
      <OccupancyDetails>
        <NumAdults>2</NumAdults>
      </OccupancyDetails>
      <InternetIncluded>1</InternetIncluded>

      <!-- Rate rule "mobile" overrides chargeCurrency, "us_or_gb" doesn't. -->
      <ChargeCurrency>web</ChargeCurrency>

      <Rates>
        <Rate rate_rule_id="mobile">
          <Baserate currency="USD">258.33</Baserate>
          <Tax currency="USD">25.83</Tax>
          <OtherFees currency="USD">1.00</OtherFees>
          <!-- The value below overrides ChargeCurrency from roombundle. -->
          <ChargeCurrency>hotel</ChargeCurrency>
        </Rate>
        <Rate rate_rule_id="us_or_gb">
          <Baserate currency="USD">268.33</Baserate>
          <Tax currency="USD">26.83</Tax>
          <OtherFees currency="USD">1.00</OtherFees>
        </Rate>
      </Rates>
    </RoomBundle>
  </Result>
</Transaction>

ไม่มีห้องพักคู่แบบสาธารณะ

ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงข้อความ Transaction ที่มีราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์ซึ่งไม่มีราคาสำหรับห้องพักแบบคู่ที่เป็นสาธารณะ

<?xml version="1.0" encoding="UTF-8" ?>
<Transaction timestamp="2023-05-18T16:20:00-04:00" id="42">

  <Result>
    <Property>1234</Property>
    <Checkin>2023-04-10</Checkin>
    <Nights>1</Nights>

    <!-- <Unavailable/> should not be specified when available nested rates
    exist. -->
    <Baserate currency="USD">-1</Baserate>
    <Tax currency="USD">0</Tax>
    <OtherFees currency="USD">0</OtherFees>

    <Rates>
      <!-- The rate_rule_id is required when using conditional rates. -->
      <Rate rate_rule_id="mobile">
        <Baserate currency="USD">180.00</Baserate>
        <Tax currency="USD">18.00</Tax>
        <OtherFees currency="USD">1.00</OtherFees>
        <Custom1>ratecode123</Custom1>
      </Rate>
    </Rates>

  </Result>
</Transaction>

อัปเดตไฟล์หน้า Landing Page

แก้ไขไฟล์หน้า Landing Page เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้ปลายทางที่มีสิทธิ์จะจองราคาหลังหักส่วนลดผ่าน Deep Link ได้ นอกจากนี้ คุณอาจต้องดำเนินการเพิ่มเติมในการจองบนเว็บไซต์เพื่อให้แสดงและมอบส่วนลดอย่างถูกต้อง

เราหวังว่าพาร์ทเนอร์จะยึดราคาตามที่แสดงใน Deep Link ของราคาสำหรับลูกค้าที่เข้าเกณฑ์

ใน Deep Link แบบไดนามิก คุณจะรวมกฎเกี่ยวกับอัตรา (แอตทริบิวต์ id ขององค์ประกอบ <RateRule>) เข้ากับตัวแปร RATE-RULE-ID ตามชื่อกฎได้

ตัวอย่างต่อไปนี้ได้มีการเพิ่มรหัสกฎเกี่ยวกับอัตรา

https://bookingsite.com/landing.do?id=(PARTNER-HOTEL-ID)&arrival=(CHECKINDAY)-(CHECKINMONTH)-(CHECKINYEAR)&departure=(CHECKOUTDAY)-(CHECKOUTMONTH)-(CHECKOUTYEAR)&lang=(USER-LANGUAGE)&currency=(USER-CURRENCY)&prid=(RATE-RULE-ID)

ไฟล์หน้า Landing Page จะรองรับคำสั่ง IF-RATE-RULE-ID ที่ให้คุณกำหนดเงื่อนไขส่วนต่างๆ ของ URL โดยจะขึ้นอยู่กับกฎเกี่ยวกับอัตราที่มีอยู่

https://bookingsite.com/(IF-RATE-RULE-ID)privatelanding.do(RATE-RULE-ID)(ELSE)landing.do(ENDIF)?id=(PARTNER-HOTEL-ID)&arrival=(CHECKINDAY)-(CHECKINMONTH)-(CHECKINYEAR)&departure=(CHECKOUTDAY)-(CHECKOUTMONTH)-(CHECKOUTYEAR)&lang=(USER-LANGUAGE)&currency=(USER-CURRENCY)

ตัวอย่างนี้จะเลือกระหว่างหน้า Landing Page 2 หน้า ขึ้นอยู่กับว่ามีการตั้งค่ารหัสกฎเกี่ยวกับอัตราหรือไม่

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่การใช้ตัวแปรและเงื่อนไข