หน้านี้ได้รับการแปลโดย Cloud Translation API

Geometry Library

การเข้ารหัส เนมสเปซ

google.maps.geometry.encoding เนมสเปซ

ยูทิลิตีสําหรับการเข้ารหัสและถอดรหัสโพลีไลน์

โหลดโดยใช้พารามิเตอร์ของ URL &libraries=geometry โปรดดูไลบรารีใน Maps JavaScript API

เมื่อใช้ v=beta ให้เข้าถึงได้โดยการโทรหา const {encoding} = await google.map.importLibrary("geometry") โปรดดูไลบรารีใน Maps JavaScript API

วิธีการแบบคงที่
`decodePath`	`decodePath(encodedPath)` พารามิเตอร์: `encodedPath`: `string` แสดงผลค่า: `Array<LatLng>` ถอดรหัสสตริงเส้นทางที่เข้ารหัสเป็นลําดับ LatLng
`encodePath`	`encodePath(path)` พารามิเตอร์: `path`: `Array<LatLng\|LatLngLiteral>\|MVCArray<LatLng\|LatLngLiteral>` แสดงผลค่า: `string` เข้ารหัสลําดับ LatLng เป็นสตริงเส้นทางที่เข้ารหัส

เนมสเปซ 360 องศา

google.maps.geometry.spherical เนมสเปซ

ฟังก์ชันยูทิลิตีสําหรับการประมวลผลมุม ระยะทาง และพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ รัศมีเริ่มต้นคือรัศมีของโลก 6378137 เมตร

โหลดโดยใช้พารามิเตอร์ของ URL &libraries=geometry โปรดดูไลบรารีใน Maps JavaScript API

เมื่อใช้ v=beta ให้เข้าถึงได้โดยการโทรหา const {spherical} = await google.map.importLibrary("geometry") โปรดดูไลบรารีใน Maps JavaScript API

วิธีการแบบคงที่
`computeArea`	`computeArea(path[, radiusOfSphere])` พารามิเตอร์: `path`: `Array<LatLng\|LatLngLiteral>\|MVCArray<LatLng\|LatLngLiteral>\|Circle\|CircleLiteral\|LatLngBounds\|LatLngBoundsLiteral` `radiusOfSphere`: `number optional` แสดงผลค่า: `number` แสดงผลพื้นที่ที่ไม่มีเครื่องหมายของเส้นทางปิด ในช่วง [0, 2×pi×Radi2] พื้นที่ที่คํานวณแล้วจะใช้หน่วยเดียวกันกับรัศมี `radiusOfSphere` มีค่าเริ่มต้นเป็นรัศมีของโลกเป็นเมตร ซึ่งในกรณีนี้พื้นที่เป็นตารางเมตร การส่ง `Circle` กําหนดให้ตั้งค่า `radius` เป็นค่าที่ไม่ติดลบ นอกจากนี้ วงกลมต้องไม่เกิน 100% ของวงกลม และเมื่อเดินผ่าน `LatLngBounds` ทางตอนใต้ของ LatLng ทางทิศเหนือจะไม่สามารถอยู่ทางเหนือของ LatLng ทางเหนือ
`computeDistanceBetween`	`computeDistanceBetween(from, to[, radius])` พารามิเตอร์: `from`: `LatLng\|LatLngLiteral` `to`: `LatLng\|LatLngLiteral` `radius`: `number optional` แสดงผลค่า: `number` แสดงผลระยะทางในหน่วยเมตรระหว่าง LatLngs 2 กิโลเมตร นอกจากนี้ คุณยังระบุรัศมีที่กําหนดเองได้อีกด้วย รัศมีเริ่มต้นคือรัศมีของ Earth
`computeHeading`	`computeHeading(from, to)` พารามิเตอร์: `from`: `LatLng\|LatLngLiteral` `to`: `LatLng\|LatLngLiteral` แสดงผลค่า: `number` แสดงส่วนหัวจาก LatLng ไปยัง LatLng อีกรายการหนึ่ง ส่วนหัวจะวัดเป็นองศาตามเข็มนาฬิกาจากทิศเหนือซึ่งอยู่ในช่วง [-180,180)
`computeLength`	`computeLength(path[, radius])` พารามิเตอร์: `path`: `Array<LatLng\|LatLngLiteral>\|MVCArray<LatLng\|LatLngLiteral>` `radius`: `number optional` แสดงผลค่า: `number` แสดงความยาวของเส้นทางที่ระบุ
`computeOffset`	`computeOffset(from, distance, heading[, radius])` พารามิเตอร์: `from`: `LatLng\|LatLngLiteral` `distance`: `number` `heading`: `number` `radius`: `number optional` แสดงผลค่า: `LatLng` แสดง LatLng ที่เกิดจากการขยับระยะทางจากต้นทางในส่วนหัวที่ระบุ (แสดงในหน่วยองศาตามเข็มนาฬิกาจากทิศเหนือ)
`computeOffsetOrigin`	`computeOffsetOrigin(to, distance, heading[, radius])` พารามิเตอร์: `to`: `LatLng\|LatLngLiteral` `distance`: `number` `heading`: `number` `radius`: `number optional` แสดงผลค่า: `LatLng\|null` แสดงตําแหน่งของต้นทางเมื่อมีปลายทาง LatLng เครื่องวัดการเดินทาง และส่วนหัวเดิม ส่วนหัวจะแสดงตามเข็มนาฬิกาจากทิศเหนือตามเข็มนาฬิกา ฟังก์ชันนี้จะแสดงผล `null` เมื่อโซลูชันไม่พร้อมใช้งาน
`computeSignedArea`	`computeSignedArea(loop[, radius])` พารามิเตอร์: `loop`: `Array<LatLng\|LatLngLiteral>\|MVCArray<LatLng\|LatLngLiteral>` `radius`: `number optional` แสดงผลค่า: `number` แสดงผลพื้นที่ที่ลงนามของเส้นทางปิด ซึ่งทวนเข็มนาฬิกาเป็นบวก อยู่ในช่วง [-2×pi×Radi2, 2×pi×Radi2] พื้นที่ที่คํานวณแล้วจะใช้หน่วยเดียวกันกับรัศมี รัศมีตามค่าเริ่มต้นคือรัศมีของโลกในหน่วยเมตร ซึ่งในกรณีนี้พื้นที่เป็นตารางเมตร พื้นที่จะคํานวณโดยใช้เมธอดการขนส่งพร้อมกัน การขนส่งพร้อมกันรอบเส้นทางแบบปิดของทรงกลมของหน่วยจะหมุนด้วยมุมเท่ากับพื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยเส้นทาง วิธีนี้เรียบง่ายและแม่นยํามากกว่าและมีประสิทธิภาพโดยใช้สามเหลี่ยม Girard, l'Huilier หรือ Eriksson ในรูปสามเหลี่ยมแต่ละรูป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากไม่ได้บิดเบี้ยว จึงไม่มีความไม่เสถียร ยกเว้นในกรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อขอบ (ไม่ใช่แนวทแยง) ของรูปหลายเหลี่ยมครอบคลุม 180 องศา
`interpolate`	`interpolate(from, to, fraction)` พารามิเตอร์: `from`: `LatLng\|LatLngLiteral` `to`: `LatLng\|LatLngLiteral` `fraction`: `number` แสดงผลค่า: `LatLng` แสดง LatLng ซึ่งอยู่เศษส่วนที่ระบุระหว่างเส้นทาง LatLng กับ LatLng ปลายทาง

poly namespace

google.maps.geometry.poly เนมสเปซ

ฟังก์ชันยูทิลิตีสําหรับการคํานวณที่เกี่ยวข้องกับรูปหลายเหลี่ยมและเส้นประกอบ

โหลดโดยใช้พารามิเตอร์ของ URL &libraries=geometry โปรดดูไลบรารีใน Maps JavaScript API

เมื่อใช้ v=beta ให้เข้าถึงได้โดยการโทรหา const {poly} = await google.map.importLibrary("geometry") โปรดดูไลบรารีใน Maps JavaScript API

วิธีการแบบคงที่
`containsLocation`	`containsLocation(point, polygon)` พารามิเตอร์: `point`: `LatLng\|LatLngLiteral` `polygon`: `Polygon` แสดงผลค่า: `boolean` คํานวณว่าจุดที่ระบุอยู่ในรูปหลายเหลี่ยมที่ระบุหรือไม่
`isLocationOnEdge`	`isLocationOnEdge(point, poly[, tolerance])` พารามิเตอร์: `point`: `LatLng\|LatLngLiteral` `poly`: `Polygon\|Polyline` `tolerance`: `number optional` แสดงผลค่า: `boolean` คํานวณว่าจุดที่ระบุวางอยู่บนหรือใกล้กับเส้นประกอบ หรือขอบของรูปหลายเหลี่ยม ภายในความคลาดเคลื่อนที่ระบุ แสดงผล `true` เมื่อความแตกต่างระหว่างละติจูดและลองจิจูดของจุดที่ระบุกับจุดที่ใกล้ที่สุดที่ขอบจะน้อยกว่าความอดทน ระยะที่ตั้งค่าได้โดยเฉลี่ยคือ 10^-9 องศา

วิธีการแบบคงที่

containsLocation

containsLocation(point, polygon)

พารามิเตอร์:

point: LatLng|LatLngLiteral
polygon: Polygon

แสดงผลค่า: boolean

คํานวณว่าจุดที่ระบุอยู่ในรูปหลายเหลี่ยมที่ระบุหรือไม่

isLocationOnEdge

isLocationOnEdge(point, poly[, tolerance])

พารามิเตอร์:

point: LatLng|LatLngLiteral
poly: Polygon|Polyline
tolerance: number optional

แสดงผลค่า: boolean

คํานวณว่าจุดที่ระบุวางอยู่บนหรือใกล้กับเส้นประกอบ หรือขอบของรูปหลายเหลี่ยม ภายในความคลาดเคลื่อนที่ระบุ แสดงผล true เมื่อความแตกต่างระหว่างละติจูดและลองจิจูดของจุดที่ระบุกับจุดที่ใกล้ที่สุดที่ขอบจะน้อยกว่าความอดทน ระยะที่ตั้งค่าได้โดยเฉลี่ยคือ 10^-9 องศา